ตอบคุณ Ron นะครับ
มันซับซ้อนหน่อย ๆ อย่าเพิ่งรำคาญนะครับ อ่านข้ามไปข้างล่างเลยก็ได้
====================
1) ผมเกิดมาเห็นญาติผู้ใหญ่สองรุ่น (แม่กับยาย) มีทุกข์เพราะความรัก
ผมเลยไม่ค่อยเชื่อในความรักนัก ค่อนข้างกลัวเลยด้วยซ้ำ
2) ตอนมีความรักกับผู้หญิง ผมว่าเป็นความรักที่ดีเลย เพราะผมหวังดีต่อเค้าจริง ๆ
แต่เพราะผมไม่ได้เป็นชาย 100% การเลิกกันจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
3) ตอนมีแฟนเป็นน้องผู้ชาย อันนี้อย่างที่เคยเล่า เริ่มจากเค้าคุกเข่าขอร้องไม่ให้ทิ่้งเค้าหลังจากมีอะไรภายนอกกันหนนึง
บอกตรง ๆ ว่าตัวผมไม่ได้มีความรักเค้าเลย แต่สงสาร ไม่อยากทำลายชีวิตเค้า
และตอนนั้น ชีิวิตผมก็ไม่มีใครเลย ไม่ได้อยู่กับครอบครัวด้วย
ผมก็เลยโอเค ยอมมีแฟนเป็นผู้ชายซึ่งไม่เคยคิดว่าจะมี (ประสบการณ์ด้านนี้ผมก็แทบไม่มีเลย)
แล้วค่อย ๆ ดูแลความรู้สึกตัวเอง จนผูกพันเป็นความรักความเมตตาต่อเค้า
แต่ด้วยอายุที่ต่างกันเยอะ ในใจลึก ๆ ผมเลยคิดว่า สักวันถ้าเค้าจะไปมีใครที่เหมาะกับเค้าจริงๆ
ผมก็โอเค ขอให้เรายังเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน ไว้ใจกันได้
หวังแค่นั้น แต่สุดท้าย เค้าก็ทิ้งผมแบบปิดการสื่อสารทุกช่องทาง
จนผมร้องไห้ซึมเศร้าอยู่ 2 ปี มันทรมานและเกือบตายจริง ๆ
เลยตั้งใจว่าพอเถอะ เซ็กส์แบบเกย์มันไม่ได้สำคัญอะไร
ผมไม่ได้สนุกกับการมีเซ็กส์เลยนะครับ (อาจเพราะทำไม่เป็น ไม่เก่งเรื่องนี้)
มันทุกข์ทรมานมากกว่าสุข
4) เคสที่เล่าเมื่อกระทู้ก่อน อันนี้คือ...หลังจากมีเพื่อนเฉพาะชายหญิง ไม่คิดเรื่องมีคู่ใด ๆ อีก (ไม่นัดใคร ไม่เที่ยวด้วย)
ชีวิตมันก็พอไปได้แบบ ไม่ได้สุขมาก แต่ก็ไม่ถึงกับทุกข์ทรมาน
แค่...เวลามีเรื่องอะไรเกี่ยวกับเรื่องเพศ ผมไม่มีใครให้ปรึกษาจริง ๆ
(ตอนที่เลิกกับน้องคนนั้น ผมเครียดเรื่องจะติดโรคใด ๆ มาไหม เพราะเชื่อใจตลอด พอคิดว่าอาจโดนหลอก เลยกังวล แต่หาคนปรึกษาไม่ได้เลย มันก็เลยทุกข์มากครับ)
ในใจผม ก็เลยอยากมีเพื่อนแนวนี้ที่จริงใจต่อกันไว้บ้าง
เพื่อคอยตักเตือนกัน ช่วยเหลือกัน แต่ไม่มีเรื่องเพศมาเกี่ยวข้อง
(หรือถ้ามีก็อาจจะเป็นการผ่อนอารมณ์ให้ไม่ไปมั่ว เพราะบางท่ีเวลามันอยากมาก ๆ
ถ้าได้ระบายออกมันก็สบายตัวขึ้น แล้วหายอยากไปนานเลย)
ทีนี้ พอไปเจอเคสอาจารย์ที่เล่าไป ผมก็เหมือนเดิม คือสงสาร ผมไม่ได้ชอบหน้าตาเค้าเลย (จากที่เห็นในเฟส)
คิดแค่ว่า ถึงจะแย่แค่ไหน แต่เค้าน่าสงสารเหมือนเรา แถมไม่มีเพื่อนเลย เราจะต้องไม่ปล่อยให้เค้าซึมเศร้าแบบเรา
ผมเลยเสี่ยงชีวิตเข้าไปเป็นเพื่อนกับเขา แต่สุดท้าย ... ผมก็เหมือนโดนหลอก และพบว่า .... มันคือความทุกข์แท้ ๆ
แม้จะเริ่มจากความหวังดีอยากช่วยเขาก็เถอะ
5) ถึงตอนนี้ ผมเชื่อนะว่าผมเป็นคนที่ไม่ได้เลวร้าย
ตอนมีรักกับผู้หญิง ผมก็รักจริง ไม่ได้คิดหลอก แต่เมื่อรู้ว่าเราไม่เหมาะ เราแก้ตัวเราไม่ได้ เราก็ไม่เห็นแก่ตัวยื้อเขาไว้
ตอนมีรักกับน้องผู้ชาย ผมเชื่อว่า ผมไม่ได้ผิดสัญญากับเขา ผมไม่เคยไปมีอะไรกับใคร พยายามรักษาความสัมพันธ์เต็มที่
ตอนมีเพื่อนคนที่เป็นอาจารย์ ผมเชื่อว่าผมหวังดีจริงๆ เมื่อเกิดปัญหา ผมก็พยายามแก้ จนไม่รู้จะแก้อย่างไรได้อีก ก็คิดว่าตัวเองทำเต็มที่แล้ว
=====================
พอกลับมามองตัวเอง ผมกล้าพูดว่าในความเป็นมนุษย์ แบบไม่มองว่าผมชอบเพศไหน
ผมก็ภูมิใจในตัวเองนะครับ ในสิ่งที่ผมเป็นอยู่ ในความซื่อสัตย์ที่ตัวเองมี
ดังนั้น ผมก็เลยไม่ได้รู้สึกว่า การเปิดเผยหรือปิดบัง มันจะมีผลอะไรกับชีวิตผม
เพราะผมก็คือผม
ส่วนการมีเพื่อนเกย์หรือมีแฟน อันนี้..ผมไม่ไว้ใจครับ
สิ่งที่ผมเจอมา มันเป็นบทเรียนสำคัญ ซึ่งแต่ละครั้ง มันทำให้ผมเสียเวลาไปมาก
บางครั้งเกือบเสียชีวิต
บางคนอาจรู้สึกว่า....การไม่มีคู่แล้วมันจะมีความสุขแบบคนทั่วไปได้ยังไง
ผมเอง ณ เวลานี้ ไม่ได้หวังว่าตัวเองจะมีความสุขแบบคู่ชายหญิงทั่วไปแล้วนะครับ
เราเกิดมาด้วยเงื่อนไขแบบนี้ มันก็คงมีความสุขได้ในระดับนึง
แต่ขอไม่ให้ทุกข์อย่างที่เคยทุกข์ก็พอ มันทรมานมาก ไม่คุ้มกันเลย
แล้วถ้าให้ผมไปหลอกแต่งงานกับผู้หญิง .... อันนี้..ผมก็ทำไม่ลง
(ไม่ใช่แต่งไม่ได้นะครับ ผมก็มีความชอบผู้หญิงอยู๋นะ แต่ผมสงสารเค้า ผมไม่อยา่กทำให้เค้าทุกข์เหมือนแม่ผม)
ถ้าให้ไปมีอะไรกับน้อง ๆ วัยรุ่นม.ต้น ม.ปลาย หรือมหาลัย .... อันนี้ผมก็ทำไม่ลง สงสารเด็ก
ทุกคนเป็นมนุษย์ มีพ่อมีแม่มีอนาคต ทำเค้า เค้าก็ทำต่อไปยังรุ่นต่อไปอีก
เกิดมาเป็นเกย์ก็แย่แล้ว อยู่ยากพอแล้ว มาเจอเกย์เอาเปรียบอีก..มันยิ่งแย่ใหญ่
ส่วนการหาคู่หรือแม้แต่เซ็กส์กับคนรุ่นเดียวกัน...อันนี้ผมบอกตรง ๆ ว่า ผมนอนกับทุกคนไม่ได้
ถ้าไม่รู้สึกว่าเป็นเพื่อนหรือเป็นคนที่มีความหมายต่อเรา จะให้หน้าตาดียังไง ผมก็ไม่เอา
ผมเคยได้ยินคำว่า มีเงินก็ซื้อกิน อันนี้ผมทำไม่ได้
ไม่ใช่ไม่มีเงินนะครับ แต่เค้าไม่ใช่สิ่งของ ผมไม่อยากมีส่วนทำอะไรแบบนั้น
เฮ้อ...ผมมันซับซ้อนมากน่ะครับ
แต่เป็นคนแบบนี้จริง ๆ
เลยอาจมีทางเลือกแค่มีชีวิตแบบนี้
ซึ่งอาจดีที่สุดสำหรับคนแบบผมครับ
