ตอนที่ 26 : ตัดสิน.. โป้งพลิกเกมด้วย...?
หมดครึ่งแรกไปด้วยการเสมอกันศูนย์ต่อศูนย์ นักเตะก็เดินกลับเข้าอุโมงค์ไป
ในห้องแต่งตัวทั้งสองทีมคงมีการประชุมแผนกันเครียดมาก
แต่บนอัฒจันทร์เป็นอีกบรรยากาศหนึ่ง เพราะอึกทึกไปด้วยเสียงเชียร์ของทั้งสองทีมและเหล่าแฟนคลับของนักฟุตบอล
แต่อยู่ๆก็เริ่มเบาลง เพื่อเหล่าผู้ชมได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นจากกองเชียร์ฝั่งนวสาคร
จุ้ยนึกสนุกเอาแซกโซโฟนเทนเนอร์ของเขามาประกอบ แล้วเล่นเพื่อกล่อมเหล่ากองเชียร์ มีหนุ่มรุ่นน้องคนหนึ่งมาเป่าทรัมเป็ต ฮ้อยก็เล่นกลองทอมกำกับจังหวะให้ โดยมีอ๊อดอีกหนึ่งเพื่อนสนิทของจุ้ยมาเคาะแทมโปลิน
การันต์ที่อยู่ใกล้ๆได้ยินเสียงแซกโซโฟนที่เป่าเป็นเพลงบรรเลงสนุกสนานอย่างชัดเจน
“เออดี เชียร์บอลดี มีดนตรีเยี่ยมให้ฟังด้วย”
“เอ... เด็กคนนี้ที่ชนะเลิศแข่งขันดนตรีนักเรียน ชื่ออะไรน๊า...” ชาญที่มีงานอดิเรกเป็นดนตรีนึกได้
“นทีธาร ... ใช่แล้ว นทีธาร”
“ฝีเท้าเป็นไง” การันต์หันมาถามวีระ เพราะตลอดการแข่งขัน วีระคอยให้ข้อมูลเด็กแต่ละคนไม่ขาด
วีระทำหน้าแหย่ๆ
“เขาเป็นนักดนตรีนะพี่ ไม่ใช่นักบอล”
การันต์หัวเราะ แต่เดี๋ยวก็กลับไปตั้งใจฟังนายนทีธารเล่นแซกโซโฟนต่อ
ครึ่งหลังเริ่มขึ้นโดยสองทีมไม่มีการปรับตำแหน่งตัวผู้เล่น ทั้งสองทีมจึงยังเล่นกันในจังหวะเดิมคือโจมตีเข้าใส่กันอย่างแลกหมัด
จนเวลาผ่านไปราวยี่สิบนาทีของครึ่งหลัง แล้วก็กลายเป็นจังหวะของนวสาคร
วู๊ดเห็นโยธินวิ่งทำทางไปที่ปีกขวา เขาก็เลยจ่ายเรียดไปให้ โยธินพาลูกหนีตัวประกบตัวแรกได้ แต่ไปติดตัวประกบตัวที่สองที่วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
เขาก็เลยเตะลูกฟุตบอลจ่ายย้อนหลังกลับไปให้วู๊ด
วู๊ดมองไปมองมาก็เตะตรงๆไปให้โป้งที่ยืนอยู่
“เอาสิวะโป้ง แสดงอาวุธหน่อย” การันต์กล่าว แล้วก็จ้องไปที่การเคลื่อนไหวของเด็กหนุ่ม
เมื่อโป้งได้ลูกฟุตบอลมาแล้ว ก็จะเลี้ยงลูกจี้เข้าหากรอบเขตประตู
แพทเป็นคนมาประกบโป้งด้วยตัวเอง เพราะตอนนี้ศูนย์หน้าที่เขาประกบตัวอยู่ วิ่งฉีกออกไปด้านข้างในลักษณะหลอกให้เขาตาม
แต่แพทอ่านเกมว่าที่นวสาครทำเพื่อให้โป้งได้มีโอกาสยิงไกล... เขาเลยตัดสินใจป้องกันโป้งด้วยตัวเอง
จังหวะขาของโป้งนั้นรวดเร็วมาก แพทไม่เคยเจอใครคล่องแคล่วเท่านี้
ขืนเขารีบร้อนสกัด มีหวังโดนล๊อกหลบ พาลูกหนีไป เขาจึงใช้การบังทางวิ่งของโป้ง ด้วยรูปร่างที่ใหญ่โตกว่า
เท้าซ้ายนั่น.. ต้องระวัง แพทเตือนตัวเอง
ในจังหวะนั้น เหมือนโป้งจะขยับจะเตะบอลด้วยเท้าซ้ายจริงๆ เขาวางเท้าขวาแล้วเงื้อเท้าซ้าย ต้องเป็นการยิงไกลแน่นอนที่สุด
จังหวะนี้หละ สกัดได้แน่...
แพทขยับทันทีด้วยความเร็ว เขาคาดหมายทิศทางของลูกที่จะออกไป เพื่อจะพุ่งตัวไปบล็อกการยิงประตูของโป้ง
รูปแบบนี้หากเป็นเท้าซ้าย ต้องยิงไปด้านขวาแน่นอน
แต่โป้งไม่ได้เตะลูก เขากลับยั้งเท้าไว้ แล้วเหยียบเท้าซ้ายลงเป็นหลัก... จากนั้นใช้เท้าขวาเตะบอลกระแทกไปใต้ลูกให้มันลอยขึ้น
แพทเห็นการเคลื่อนไหวนั้น.. แต่เขาไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว ได้แต่ขืนตัวไว้ แล้วมองลูกลอยผ่านไปทางซ้าย...
ลูกฟุตบอลลอยมาในเขตโทษ ปอวิ่งมาในตำแหน่งที่ลูกจะมาถึง
ทั้งหมดคือการซ้อมกันมาอย่างหนัก..
เขากระโดดขึ้นไปในอากาศแล้วสะบัดหัวโขกลูกฟุตบอลเต็มหน้าผาก ก่อนที่ผู้รักษาประตูจะเข้ามาถึงลูก
ลูกฟุตบอลเดินทางในอากาศอย่างไร้สิ่งกีดขวางมันสัมผัสกับตาข่ายข้างในประตูแล้วรูดตกลงมา...
แม้ผู้เล่นกองหลังตามเข้าไปและพยายามเตะลูกออกมา แต่ทว่าผู้ตัดสินก็เป่าให้เป็นประตูไปแล้ว...
เสียงกองเชียร์ของนวสาครโห่ร้องออกมาอย่างยินดี.. ป้ายไฟชื่อโป้ง ชื่อโกล ถูกโยนทิ้งไปอย่างลืมตัวหลายต่อหลายป้ายด้วยความดีใจ
ปอวิ่งกลับมาหาโป้งแล้วกระโดดกอดจนล้มลุกคลานกันไปทั้งคู่ แล้วเพื่อนก็กรูกันเข้ามาแสดงความยินดีให้สมกับการรอคอย
เท้าขวา... แพทมองโป้งที่กำลังวิ่งไปกับเพื่อนร่วมทีมกลับไปที่แดนของตัวเอง
“ไอ้หมอนี่... มันสุดจะบรรยายจริงๆ”
ก้านเพชรแม้จะสวมเผือกอ่อนก็ยังอุตส่าห์มาเชียร์ด้วย เขาเผลอโห่ร้องไปด้วยตอนที่นวสาครได้ประตูจนกองเชียร์ที่นั่งรอบตัวซึ่งเป็นกองเชียร์ของโรงเรียนเอกชนพากันหันมามองหน้า
ตอนนี้เขาก็เลยต้องนั่งเงียบๆ แต่ตามองโป้งที่กำลังวิ่งเยาะๆกลับไปสู่ตำแหน่งยืนของตนด้วยรอยยิ้ม
“นายมันสุดๆ โป้ง... นายชนะขีดจำกัดของตัวเองจนได้นะโป้ง”
เวลาครึ่งหลังใกล้จะหมดแล้ว เหลืออีกแค่ถึงไม่หนึ่งนาทีในช่วงทดเวลา แต่ทีมแชมป์เก่าก็ยังไม่ลดละความพยายาม
ส่วนนวสาครก็เริ่มเน้นการครองบอล ด้วยการตัดบอลได้ก็จ่ายสั้นส่งให้กันไปมาอย่างแม่นยำแต่อยู่ในแดนตัวเองมากกว่าจะบุกขึ้นไป
ตอนนั้นอัครที่ได้บอลอยู่หน้ากรอบเขตจึงพยายามดึงจังหวะ มองเห็นโป้งยืนว่างอยู่ ก็เลยคิดว่าถ้าส่งให้โป้ง โป้งจะต้องเก็บลูกไว้ได้ดีกว่าเขาอย่างแน่นนอน
อัครก็เลยแปบอลด้วยข้างเท้าเรียดพื้นไปหา
ทว่าเขาก็ต้องใจหาย
ผู้เล่นกองหลังตัวกลางของฝ่ายตรงข้าม อาศัยช่วงที่ขายาวมาดักลูกไว้ได้ก่อนจะถึงโป้ง
แพทหยุดลูกไว้ได้ ก็เตะโยนขึ้นหน้าไปให้เพื่อนที่อยู่แดนหน้า
ฝ่ายโกลเห็นดังนั้น เขาจึงเตรียมพร้อม
เมื่อศูนย์หน้าฝั่งตรงข้ามเข้ามาในระยะอันตราย ตั้มที่มายืนเป็นหนึ่งในกองหลังสามตัวก็วิ่งออกไป
เขาพยายามจะสไลด์ตัวสกัดกั่นการเลี้ยงของกองหน้าของคู่ต่อสู้ แต่กองหน้าของคู่ต่อสู้จ่ายบอลหนีไปเสียก่อน
โชคยังดีที่ตั้มไม่โถมเข้าทั้งตัวเขาจึงยั้งตัวได้ทันแล้วรีบพลิกตัววิ่งกลับไป
ปีกซ้ายของโรงเรียนเอกชนชื่อดัง เป็นอดีตตัวผู้เล่น U19ของทีมชาติ แต่ปีนี้หลุดจากทีมไปเพราะการเข้ามาของโป้ง เขารับได้ลูกอย่างนิ่มนวล แล้ววิ่งเร็วจี่เข้าไปในตำแหน่งที่ตั้มละทิ้งไป ได้ระยะ มีแค่ผู้รักษาประตูเท้าที่นั้นที่ขวางทาง เขาสับจึงเท้ายิง..
แต่ตั้มตามกลับมาทัน เขายื่นขาออกไปหวังจะให้โดนลูกเพื่อสกัดกั่น
แล้วก็โดนจริงๆ
แต่นั่นไม่ดีสำหรับโกล เพราะเขาถลันตัวไปเพื่อจะป้องกันลูกที่พุ่งมาเสียแล้ว การสกัดของตั้ม ทำให้ลูกยิงนั้นแฉลบขาของตั้มเปลี่ยนทาง...
โกลไปผิดทาง..
ลูกฟุตบอลมุ่งไปหาประตู ตกกระดอนพื้นหนึ่งจังหวะ แต่ก็ยังมุ่งไปทางประตูที่ไม่มีการป้องกัน
แต่ก่อนที่มันข้ามเส้นไป..
ฝ่ามือใหญ่ขวางทางแล้วผลักลูกฟุตบอลออกไปจากปากประตู.. โกลพลิกตัวกลับมาป้องกันได้ทัน แต่ก็ต้องล้มตัวไปสุดแขน
ในจังหวะโกลล้มอยู่ ตัวผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามไม่ปล่อยให้ลูกฟุตบอลที่กลิ้งออกมาเสียเปล่า
แล้วศูนย์หน้าของฝ่ายตรงข้ามก็เข้าถึงลูกฟุตบอลด้วยการเหยียดขาไป แต่เพราะไม่มีจังหวะจึงกลายเป็นการเตะอย่างแผ่วเบา
กระนั้นลูกฟุตบอลที่โดนสัมผัสนั้นก็กลิ้งไปหาปากประตูอีกครั้ง... และกำลังจะข้ามเส้นประตูเข้าไป
ทันใดนั้น...จอมพุ่งเข้ากวาดเท้าขวางทางลูกเอาไว้ แล้วพยายามดันให้ลูกออกมา ทำให้โกลที่ลุกขึ้นได้ตามมาตะปบบอลเสียก่อนที่ฝ่ายตรงข้ามเข้าถึงลูกอีกครั้ง
“เข้าแล้วอาจารย์ มันเข้าไปแล้ว” ศูนย์หน้าลุกขึ้นวิ่งไปหากรรมการ แล้วผู้เล่นคนอื่นๆก็ตามเข้าไปประท้วงด้วย
แต่วู๊ดยกมือห้ามลูกทีมของตนไว้เพราะกลัวจะเป็นการไปปะทะกัน แต่ตัวเองก็เดินเข้าไปเพื่อรอฟังผลการตัดสิน
โกลที่กอดลูกอยู่ก็ลุกขึ้นแต่ไม่เดินไปไหน ยังคงยืนอยู่ตรงที่เดิม
กรรมการเดินไปโดยไม่ใส่ใจเสียงประท้วง แถมเขายังทำท่าล้วงกระเป๋าด้วยเพื่อปรามว่าใครเข้ามาใกล้อีกจะให้ใบเหลือง ผู้เล่นที่ตามมาประท้วงจึงต้องหยุด ปล่อยให้กรรมการเดินไปหาผู้กำกับเส้น
สำหรับแพทนี่คือเวลาตัดสิน... เพราะถ้าได้ลูกนี้จริงๆคือการต่อชีวิต เพราะเวลาการแข่งขันคงหมดไปแล้ว เขามองเขม็งที่กรรมการ
โป้งก็มองผู้กำกับเส้นกับผู้ตัดสินสนทนากัน เขาใจระทึก ตอนนี้เขาเดินมาถึงหน้าประตูเพื่อมาหาโกล
พอโกลได้เห็นหน้าโป้ง เขาก็เอามือข้างหนึ่งจับมือโป้งไว้ โป้งสบตาแล้วก็กุมมือข้างนั้นไว้... ทั้งสองกำมือกันและกัน แล้วหันไปมองผู้ตัดสินกับผู้กำกับเส้นคุยกัน
เมื่อเห็นว่าผู้ตัดสินได้ขอสรุป และหันกลับมา ทั้งสองจึงยิ่งกำมือกันแน่นเพื่อให้กำลังใจกันและกัน
แล้วผู้ตัดสินก็เป่านกหวีดแล้วให้สัญญาณว่าไม่เป็นประตู... แล้วก็ส่งสัญญาณให้โกลเล่นต่อไป
ผู้เล่นทีมโรงเรียนเอกชนแม้จะผิดหวัง แต่ด้วยหัวใจของนักกีฬาก็เลยจำยอมรับการตัดสิน แล้ววิ่งกลับไปในแดนตัวเอง
เช่นกันกับทีมนวสาครที่รีบวิ่งกลับไปประจำตำแหน่ง โป้งปล่อยมือโกลแล้ววิ่งตามเพื่อนๆไป
โกลมองซ้ายมองขวา เตะโด่งออกไปในทิศที่โป้งยืนอยู่
โป้งมองลูกลอยโด่งมาในอากาศ เขาคิดจะกระโดดพักอก แต่นกหวีดยาวก็ดังขึ้น... หมดเวลาการแข่งขัน..
ลูกฟุตบอลตกถึงพื้นก็กระดอนไปอย่างไร้ทิศทาง เพราะตอนนี้โป้งได้ทอดทิ้งมันไปเสียแล้ว
เขาวิ่งย้อนกลับไปเพื่อไปหาจอมนายกองหลังตัวกลาง ผู้ช่วยโกลสกัดลูกออกมาในจังหวะสุดท้าย...
จอมเห็นโป้งวิ่งเข้ามา แถมชี้นิ้วมาที่เขาด้วยใบหน้าที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าดีใจ เขาก็เลยกางมือออกเพื่อรับการกระโดดกอดของโป้ง
แล้วทั้งคู่ก็กอดคอกันยืนชูมือหันไปหาอัฒจันทร์ฝั่งที่กองเชียร์นวสาคร กองเชียร์ก็พร้อมใจกันโห่ร้อง...สดุดีให้แก่ผู้ป้องกันในจังหวะสุดท้ายที่นำมาซึ่งชัยชนะ...
วันนี้ไอ้จอมขอเป็นฮีโร่...
การันต์ที่อยู่บนอัฒจันทร์มองลงไปอย่างรู้สึกภาคภูมิใจ
“พี่ฤทธิ์ พี่ดูอยู่ไหม... ไอ้โป้งของพี่มันเก่งขึ้นอีกแล้วนะ...”
ในห้องเช่าที่เล็กเท่ารูหนู ฤทธิ์กอดโทรศัพท์ราคาถูกแต่มีระบบดูโทรทัศน์ได้ไว้แน่น นอนแผ่หงายบนที่นอนที่เก่าและเหลือง..
“โป้งลูกพ่อ... พ่อคิดถึงเจ้าเหลือเกิน...”