Channel Island National Park

07 Feb 2011 01:24

การเดินทางครั้งนี้ เริ่มต้นจากเมือง Ventura, California ครับ Channel Island ประกอบด้วยกลุ่มเกาะประมาณ 4 กลุ่ม เกาะที่จะไปในวันนี้ชื่อว่า Santa Cruz Island ครับ เป็นเกาะที่ใกล้ฝั่งอันดับ 2 และมี campsite เยอะที่สุดครับ ที่ไปเกาะนี้เพราะว่า มี hiking trail เยอะครับ มีอีกเกาะคือ Anacapa แต่ว่า campsite มีแค่ 7 แคมป์ แต่ว่า ไม่มี hiking trail เท่าไหร่ มีดอกไม้ กับนกเยอะ เหมาะแก่การถ่ายรูปครับ
ค่าเรือข้ามฝั่งไปกลับรวมค่าตั้งแคมป์ (กี่คืนก็ได้) คนละ 75 เหรียญครับ ถ้าไปเกาะที่ไกลกว่านี้ ก็จะแพงกว่าครับ ระหว่างนั่งเรือไป ก็จะมีส่องปลาวาฬที่ช่วงนี้อพยพลงใต้มาครับ แต่ว่าขาไปไม่เห็นปลาวาฬเลยครับ

ระหว่างนั่งเรือไปเกาะ 1 ชั่วโมงเมาเรืออย่างแรงครับ พอลงจากเรือปุ๊บก็ต้องช่วยกันขนของ (อ้อ บนเกาะไม่มีอะไรเลย มีแต่ camp ในตั้งเต๊นท์ ไม่มีที่อาบน้ำ มีแต่ส้วมหลุม เป็นห้องให้ ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นให้เลย อ้อ มีน้ำดื่มที่เจาะใต้ดินให้ (น้ำนี้ไว้ดื่มกับทำอาหารได้) กฎมีอยู่ว่า ขยะทุกชิ้น ต้องเก็บแล้วเอากลับข้ามเรือมาที่ฝั่งด้วย ranger บอกว่า สิ่งที่ทิ้งไว้ที่นี่ได้อย่างเดียวคือ รอยเท้า และนี้คือรูประแวกท่าเรือครับ บนเกาะเงียบมากกกกก

หลังจากตั้งเต๊นท์เสร็จ (คืนนั้นคืนวันเสาร์ มีอยู่ประมาณ 10 เต็นท์มั้งครับที่พักด้วยกัน มันถึงเงียบมากกก) ผมก็ต้องขอนอนพักหน่อย เพราะว่าตั้งแต่เมาเรือมายังไม่หายเลยครับ นอนอยู่ 1 ชั่วโมงได้ ก็ตื่นมาทานอาหารกลางวัน ซึ่งก็มีแค่มาม่าครับ เพราะไม่ได้เตรียมอย่างอื่นมาเลย

หลังจากทานอาหารเสร็จ ก็เริ่มจาก hiking trail ง่ายๆ ไปที่ cavern point. Loop นึงประมาณ 3 กิโลครึ่งครับ ตอนเดินขึ้น 15 นาทีแรกๆ อาจจะลำบากหน่อย เพราะชัน และทางก็ไม่ได้เรียบมีแต่หิน แต่ trail นี้ไม่ได้สูงมาก ผมว่าน่าจะแค่ 300 ฟุตอย่างมาก แต่หลังจากนั้นก็สบายแล้วครับ

ภาพด้านล่างขวา เป็น หมู่เกาะ Anacapa ครับ

ถึงเวลาเดินลงครับ อากาศวันนี้ดีมากๆๆๆๆๆ ตอนแรกผมนึกว่ามาอยู่เกาะจะหนาว ยิ่งตอนนี้หน้าหนาวด้วย ที่ไหนได้ ไม่หนาวเลยครับ อากาศประมาณ 70F เป็นองศา C เท่าไหร่ไม่รู้ ครับ คำนวณเอง ฮ่าๆๆๆ

หลังจากเดินกลับมาที่เต๊นท์ จะสังเกตว่า มีอะไรคล้ายๆ ฝาหอย เต็มพิ้นไปหมด ก็เลยทราบว่ามาจากไอ้เจ้าดอกนี่นี่เอง มันจะตูมๆ แล้วหลังจากนั้นมันจะสะบัดฝามันออก แล้วก็เริงร่าผลิบานอย่างที่เห็น อัศจรรย์จริงๆ

Trail ถัดไปเดินต่อกันเลย จะไปกันที่ Potato Habor เราเดินขึ้นไปทางเดิน แต่พอเจอทางแยก ก็ไปอีกทาง ขึ้นเขาไปเรื่อยๆ Trail นี้ ประมาณ 8 กิโลครับ แต่ trail ไม่ได้ลำบากยากเย็นอะไร แค่ค่อยๆเดินขึ้นไปเรื่อยๆ ทีละนิด เราเดินไปเรื่อยๆ ฝั่งขวาเป็นเหว แล้วก็ทะเล ฝั่งซ้ายก็เป็นภูเขา ท้องฟ้าวันนี้สวยมากๆๆๆ

มาถึงแล้วครับ Habor วันนี้จะมาดูพระอาทิตย์ตกกัน แต่ผมว่าตอนพระอาทิตย์ตกเฉยๆ ไม่ได้สวยเท่าไหร่ แต่ Habor สวยจริงๆ

พระจันทร์ขึ้นตอน 5 โมงเย็น อ้อ มีกลุ่มผู้หญิงสองคน เดินตามมา มาเล่น โยคะ แถวๆนี้ เจ๋งป่าวละครับ ฮ่าๆๆๆ

นั่งรอจนพระอาทิตย์ตกก็แล้ว ดาวเต็มฟ้าก็แล้ว เพื่อนผมมันก็ยังไม่ยอมกลับ มันจะถ่ายรูปดาวกับวิวด้วยกัน

รูปด้านล่างเพื่อนผมถ่ายครับ ไม่ใช่ผม พอทุ่มนึงผมเลยต้องบอกให้กลับ camp เพราะเดี๋ยวดึก ยังไม่ทานไรเลย ต้องกลับไปต้มมาม่าทานอีก กลับเต๊นท์ประมาณ 2 ทุ่มแล้ว เงียบมากกกกก เหมือนไม่มีคนอยู่เลยต้องรีบต้มมาม่า ทำนู่นทำนี่ เดี๋ยว 4 ทุ่มต้องเงียบสนิท เพื่อนผมบอกว่า 6 โมงเช้าให้ตื่นไปดูพระอาทิตย์ขึ้น (ผมคิดว่าต้องสวยมากๆ แน่ๆ) แต่พวกเราก็ไม่ตื่นครับ ง่วง ไม่อยากจะลุก

วันถัดไปจะเป็น trail ยาวกกว่าเดิมครับ แล้วจะเอารูปมาให้ดูครับ

07 Feb 2011 09:23

รูปสวยมากๆ เลยครับ คุณ ZM ยังไม่หกลับเมืองไทยหรอเนี้ยะ เห็นหายเงียบไปนาน

ที่นี่เป็นอุทยานที่เป็นหมู่เกาะทางทะเลอย่างเดียวหรอคับ มีบริการดำน้ำดูพวกปะการังแบบบ้านเราป่าว หรือว่ามีแต่ให้อยู่บนเกาะ เพราะดุท่าทางจะเป็นทะเลลึกมากกว่าทะเลตื้นแบบบ้านเราแฮะ

07 Feb 2011 09:29

กลับไปแล้วครับตอนเดือนพฤศจิกายนครับ ประมาณ 2 อาทิตย์ครับ

ส่วน activity อื่นๆ เท่าที่เห็นไม่มีนะครับ อ้อ รู้สึกว่ามีคายัคให้เช่า แต่ส่วนใหญ่ คนจะขนอันมาเองครับ (แบบว่าขนข้ามเรือมา) ส่วนดำน้ำ ไม่เห็นเลยครับ คิดว่า ถ้ามีเค้าคงไปที่อื่นกันมากกว่า ฮ่าๆๆๆ อ้อ น้ำเย็นมากๆๆๆๆๆ ก่อนข้ามมาเกาะเห็นคนเล่น surf กัน ไม่รู้เล่นกันได้ไง แต่เค้าก็ใส่ wetsuit กัน คงกันหนาวกันได้ในระดับนึง

เดี๋ยวจะ โพสรูปวันที่สองครับ มีเรื่องตื่นเต้นเล่าให้ฟังด้วยครับ

07 Feb 2011 10:43

วันที่สองครับ ตื่นสายกันประมาณ 9 โมง ตื่นมาก็กินเลย เริ่มต้นด้วยมาม่าเหมือนเดิมครับ แปรงฟันเสร็จก็รีบเดินกันเลยเพราะว่าผมต้องกลับมาเก็บของขึ้นเรือตอนบ่ายสามครึ่งครับ ส่วนเพื่อนยังคงอยู่เที่ยวต่ออีกคืน

Trail ที่เดิน เป็น 2 trail ต่อเนื่องกันครับ ความไกลประมาณ 14 กิโล สูงประมาณ 1,800 ฟุต จุดหมายปลายทางคือ Montanon Ridge ครับ แต่ก่อนอื่นเลย เราต้องผ่านทุ่ง scorpion canyon กันก่อน ช่วงแรกๆ ของ scorpion canyon trail ไม่ยากนัก ทางค่อนข้างเรียบอยู่ได้ระยะนึง เพื่อนผมก็ชี้ให้ดูว่า เค้าคิดว่า เราจะไปที่ภูเขาสูงนั่น ผมก็บอกว่าไม่น่าใช่ มันสูงไป เพราะว่าเรามีเวลาเดินกันแค่ 5 ชั่วโมงแต่เราก็เดินๆกันไปครับ
พอมาถึงทางขึ้นเขา ทางแอบชันเหมือนกันครับ และ trail เล็กมาก เวลาเดินต้องระวัง เพราะด้านข้างเป็นเนินชัน เผลอพลั้งเดินผิด อาจจะตกไปไกลได้ และนี่คือรูปของ trail ครับ

ที่เค้าเรียกกันว่า scorpion canyon น่าจะเป็นเพราะว่าที่นี่มีแมงป่องเยอะครับ แต่น่าจะไม่ได้เป็นพันธุ์อันตราย เพราะว่าคืนก่อนตอนกลับไป camp เจอแมงป่องตัวเล็กๆ เต็มแคมป์ไปหมดเลยครับ ตอนแรกก็กลัว แต่ด้วยแรงหิวเลยไม่ได้สนใจอะไรมากมาย ฮ่าๆๆๆ
ภาพด้านล่างเป็นภาพบ่อน้ำมันที่เค้าไม่ใช้แล้ว ผมไม่ได้เข้าไปใกล้ๆ เพราะว่าหมดแรงครับ เหนื่อยมาก เดินมาชั่วโมงกว่าๆ เพิ่งได้แค่ประมาณ 3 กิโล ฮ่าๆๆๆ
ลองดูภาพด้านขวาล่างนะครับ ตอนแรกผมคิดว่าด้านเดินไปทางด้านขวาเรื่อยๆ ก็น่าจะถึงจุดที่เพื่อนบอกว่าเป็นยอดแล้ว แต่เพื่อนหันกลับมาบอกว่า อันที่บอกตอนแรก ไม่น่าใช่ ที่ใช่คือ ยอดทางด้านซ้ายของภาพ ซึ่งเวลาเดินต้องเดินไปทางขวาก่อนแล้วอ้อมกลับมาทางซ้าย เพราะเราจะเดินบนเลาะ ridge ไปเรื่อยๆ ผมแทบจะล้มเลยครับ จริงๆ ไม่ได้กลัวอะไร แต่กลัวว่าจะกลับเรือไม่ทัน ฮ่าๆๆๆ

ระหว่างทางเดิน trail ค่อนข้างสวยมากๆครับ แต่ต้องเดินระวัง อย่างที่บอกว่า trail แคบมาก

อย่างที่เห็นในภาพด้านล่าง เราต้องเดินเลาะยอดเขาไปเรื่อยๆครับ ระหว่างเดินขึ้น เจอชายหนุ่มหล่อคนนึง เดินคนเดียว เค้าเดินมาจาก prisoner zone ซึ่งไกลมากประมาณ 16 กิโลจากจุดนี้ ถึกมาก หยุดคุยกันให้สดชื่นนิดนึง แล้วก็เดินต่อไป

บางช่วง trail แย่มากๆครับ แต่ก็ไม่ได้ยาวมาก แต่ต้องระวัง

ถึงแล้วครับ ที่ยอดนี้มี telephone tower ด้วย ยอดนี้เป็นยอดที่สูงที่สุดอันดับ 2 ของเกาะนี้ครับ เราใช้เวลาเดินรวมถ่ายรูปประมาณ 3 ชั่วโมงนิดๆ ในการขึ้นมาถึงจุดยอด มีหนุ่ม 2 คนขึ้นมาก่อนหน้าเรา ได้คุยกันในระดับนึง คนที่มาเดิน hiking แบบนี้ส่วนใหญ่จะ friendly ครับ ผมว่า หนึ่งในสองเป็นเกย์ครับ อย่างที่เคยเล่าครับ เกย์ชอบ hiking กันเยอะครับ

ผมเจอไอ้กล่องนี้โดนซ่อนอยู่ครับ ในกล่องจะเป็นสมุดโน๊ตให้ไว้ลงชื่อครับ ว่าคุณได้ขึ้นมาถึงจุดสูงสุดแล้ว เข้าใจว่าในหลายๆที่มีแบบนี้ครับ แต่ผมเจอที่นี่เป็นที่แรก ตั้งแต่ hiking มา

สุดท้ายก็ถึงเวลาลงกลับ camp ครับ

ระหว่างทางลงมีเรื่องตื่นเต้นมากๆๆครับ ระหว่างทางลง ผมให้ผู้ชายคนนึงตัวสูงนั่งหันหลังให้ผมพิงหินอยู่ แล้วก็ถอดเสื้ออยู่ด้วย จากการประเมินขั้นต้น จากการมองข้างหลังอย่างรวดเร็ว มันต้องหน้าตาดีในระดับนึงแน่ๆ ผมก็คิดในใจสงสัยไอ้เจ้านี่ต้องนั่งอยู่คนเดียว อาจจะแบบว่านั่งพัก อาบแดด ถ้ามันอาบแดด มันก็อาจจะนู้ด กะว่าจะทักทายสักหน่อย ปรากฏพอเดินเข้าไปใกล้ๆ มันเปลือยอยู่จริงๆครับ แต่ปรากฏมันนอนกอดกับแฟนสาวอยู่ ผมเลยไม่กล้าหันไปมอง มองเห็นแต่ผู้ชายเปลือยจากด้านข้าง ที่ไม่อยากมองเพราะกลัวว่าอาจจะไม่ดีเท่าไหร่ ถ้าไปมองผู้หญิง แต่รู้ว่าไปเด็กสองคนนี้น่าจะอายุราวๆ 20 ต้นๆ ผู้หญิงก็หัวเราะคิกคัก ฮ่าๆๆๆ ผมมาเห็นหน้าสองคนนี้อีกทีตอนจะขึ้นเรือครับ เพราะผมจำรูปร่างผู้ชายได้ เช่นกัน เค้าก็จำผมได้เช่นกัน คงจากเสื้อที่ผมใส่ ทั้งคู่หันมามองผมด้วย ผมก็หันมองกลับ ฮ่าๆๆๆ หน้าตาดีใช้ได้ทั้งคู่ครับ ตื่นเต้นมากๆๆๆๆๆ

กลับมาที่เต๊นท์ก็เก็บของ แล้วก็เดินพักที่ทะเลได้อยู่พักนึงครับ เรือก็มารับครับ

ระหว่างกลับมีโอกาสได้เห็น Grey Whale ด้วยครับ รูปด้านล่างเพื่อนผมถ่ายครับ เพราะขี้เกียจถ่ายรูปแล้วตอนนั้น เลยเอารูปของเพื่อนมาให้ดู แต่ปลาวาฬที่ผมเห็นเข้ามาใกล้เรือกว่านี้มากๆ ผมไม่ได้ตื่นเต้นมากมายนัก เพราะว่าเคยเห็น Humpback Whale ตอนไป Alaska แล้ว แต่ก็รู้สึกดีที่ไม่เสียเที่ยวครับ

เพื่อเป็นการไม่ให้เมาเรือ ผมเลยนั่งด้านท้ายเรือครับ เจอลมเต็มๆ ตลอด 1 ชั่วโมง กลับบ้านมาป่วยไป 1 อาทิตย์เลยครับ รูปด้านล่างเป็นเรือใกล้ๆ ฝั่งของพวกคนรวยครับ ฮ่าๆๆๆ

ถือว่าเป็นอีก ทริปนึงที่น่าประทับใจมาก กะเอาไว้ว่า ถ้าว่างๆ อาจจะกลับมาเที่ยวอีก อาจจะต้องกลับมาคนเดียว เพราะเพื่อน hiking ผมมันกลับประเทศอินโดไปที่เรียบร้อยแล้ว

อีกสองอาทิตย์ ผมจะไป Joshua Tree National Park ครับ ผมเคยไปมาแล้วครั้งนึงเมื่อปีที่แล้ว ไม่ค่อยมีอะไรสวยๆ ให้ดูมากมาย เพราะว่าเป็นแบบโซนทะเลทราย (ไม่ใช่แบบทะเลทรายๆ แต่เป็นแบบภูเขาโล้น ไม่มีต้นไม้อ่ะครับ) แต่ถ้าคราวนี้เจออะไรสวยๆ จะถ่ายรูปมาฝากครับ

07 Feb 2011 15:35

อืม เดาว่าเป็นทะเลลึกนะครับ พวกปะการังน้ำตื้นคงไม่มี ถ้ามีคงเป็นน้ำลึกไปเลย คนไม่เยอ ะหรือว่าถ่ายแบบไม่ติดคนมาหรือป่าวครับ หรือคนไม่เยอะ เพราะว่าไปยากก็ไม่รู้แฮะ เพราะดุท่าทางไปยากอยู่ แถวไม่มีอะไร นอกจากวิวภูเขากับทะเลที่สวยงาม สงบ เย็น